วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พิ้งกี้ ยังไม่เปิดใจรับ ทิว

พิ้งกี้

พิ้งกี้ ยังไม่เปิดใจรับ ทิว ขอโทษ..ที่ทำ อั้ม ร้องไห้
(ดาราเดลี่)

เลิกรากันได้พักใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวของพระเอกหนุ่ม "อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์" และนางเอกสาว "พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช" จะยังไม่จบสิ้นเสียที เพราะหลายคนยังคงจับตามองความเคลื่อนไหวของทั้งคู่

โดยเฉพาะสาวพิ้งกี้ที่ตอนนี้กําลังอินเลิฟกับไฮโซชื่อ "ทิว" ส่วนหนุ่มอั้มนั้นก็หันไปสนิทสนมกับนางเอกสาว "นัท มีเรีย" เสียแล้ว งานนี้สาวพิ้งกี้บอกได้คําเดียวว่ายังไม่พร้อมเปิดใจกับใคร ส่วนเรื่องอดีตแฟนจะกุ๊กกิ๊กกับสาวนัทนั้น คิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องจริง

พิ้งกี้ : กับทิวอย่างที่บอกก็ไม่มีอะไร กี้ไปเล่นฟิตเนสเป็นประจําอยู่แล้ว แต่กับทิวไม่เคยตีก้นกัน อาจจะมีการเล่นตีหัวกันบ้างตามประสาเพื่อน เพราะเขาเป็นฝรั่ง มันก็แค่นั้นจริงๆ ตอนนี้ก็มีคนเข้ามาคุยหลายคน กับทิวก็เป็นเพื่อน กี้เองไม่ได้ปิดโอกาส แต่ยังไม่มีใครที่เป็นถึงขั้นระดับแฟน ส่วนอนาคต ตราบใดที่ยังคุยกันแล้วดี ก็จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน กี้ก็สบายๆ ไม่ได้เครียดอะไร ก็มีไปไหนมาไหนกันบ้างตามประสาเพื่อน

พิ้งกี้ : ส่วนข่าวที่ว่าพี่อั้มร้องไห้ ไม่รู้สิคะ เพราะทุกอย่างเกิดจากพี่อั้ม แต่กี้ทําทุกอย่างเต็มที่แล้ว สําหรับตัวกี้เองไม่ได้ร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้เป็นคนเข้มแข็งอะไรมากนัก และก็ไม่ได้เป็นคนเซ็นซิทีฟ พี่อั้มเองก็อาจมีเรื่องอื่นให้คิดอยู่มากมาย แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกี้ก็ต้องขอโทษด้วย

พิ้งกี้ : ข่าวพี่อั้มคบพี่นัทตรงนี้กี้ก็รู้ แต่มั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะว่าพี่นัทกับพี่อั้มรู้จักกันมานานแล้ว ตัวกี้เองก็รู้ เพราะว่าตอนนั้นกี้คบอยู่กับพี่อั้มก็เห็นว่าเขาสนิทกัน แต่เป็นแค่พี่น้องเท่านั้นเองค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

คลิปนาธาน โอมาน แถลงข่าวกรณีลวงโลก


  • นาธาน โอมาน เเถลงกรณีลวงโลก - โกงเงิน ผ่าน สรยุทธเจาะข่าวเด่น
  • นาธาน โอมาน เเถลงกรณีลวงโลก - โกงเงิน ผ่าน สรยุทธเจาะข่าวเด่น


  • ณัฏฐ์ โต้ วุ้นเส้น บอกอยากเลิก เร่งปรับตัว

    วุ้นเส้น - ณัฏฐ์


    ณัฏฐ์ โต้ วุ้นเส้น บอกอยากเลิก เร่งปรับตัว
    (ไอเอ็นเอ็น)

    ระหองระแหงกันจนหลายคนนึกว่า "ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา" กลับมาเป็นโสดซะแล้ว หลังจากมีข่าวลือว่าสาว "วุ้นเส้น" วิริฒิพา ภักดีประสงค์ร่ำๆ เริ่มรำคาญกับพฤติกรรมครูระเบียบของฝ่ายชาย ที่คอยกะเกณฑ์ชีวิตจนขาดอิสระทางความคิด ด้านณัฏฐ์รับผิดที่บงการความคิดของแฟนสาวมากเกินไป ขอโอกาสปรับตัวคอนเฟิร์มความรักยังดีอยู่

    ณัฏฐ์ :ก็ยังดีอยู่ครับ เพียงแต่เราให้เวลาส่วนตัวกันมากขึ้น ไม่ได้ตัวติดกันแล้ว อย่างเมื่อก่อนเจอกันเกือบทุกวัน ตอนนี้ก็ลดลงแล้วเหลืออาทิตย์ละสองสามวัน แล้วแต่มีเวลาว่างก็เจอกัน

    คนใกล้ชิดบอกว่าวุ้นบ่นว่าเบื่อณัฏฐ์กะเกณฑ์เยอะ

    ณัฏฐ์ :จริงๆ ผมก็ตีกรอบให้เค้าเยอะ ถึงจุดหนึ่งก็ตัดสินใจว่าจะปล่อยเค้าดีกว่า ให้เค้าตัดสินใจเอง อยากทำอะไรก็ทำ อยากรับงานอะไรก็รับ ที่ผ่านมาผมก็เป็นห่วงอย่าถ่ายนู่น นี่เลย เพราะเราคบกันเค้าก็จะมาปรึกษาเราก่อน บางทีก็เป็นห่วงอย่าถ่ายเลยดีมั้ย แต่ก็ไม่ได้ห้าม เค้าก็ตามใจเรามาตลอด หลังๆ เค้าก็ดูเหมือนจะหงอยๆ เหมือนไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ ก็เลยรู้สึกว่าเราปล่อยเค้าดีกว่ามั้ย คุยกันมากขึ้นว่าเราควรจะปรับตัวกันยังไงให้มันเวิร์ค คือเค้าเป็นคนที่เก็บเรื่อยๆ ผมกลัวว่าวันหนึ่งเค้าจะระเบิดออกมา ไม่อยากให้ถึงวันนั้น

    จริงๆ เคยเลิกกันไปแล้ว แต่กลับมาคุยกันใหม่หรือเปล่า

    ณัฏฐ์ :ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ เวลาเราคุยกันก็มีปากเสียงบ้างนิดหน่อย เป็นเรื่องธรรมดา ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ก็ยังรักกันอยู่ เพียงแต่เราปรับตัวเข้ากันมากขึ้น (ยื้อหรือเปล่า) ไม่ได้ยื้อ แต่เราเข้าใจเค้ามากขึ้นเราก็ปรับตัวเองให้เข้าใจเค้า เราไม่ได้เปลี่ยนตัวเอง แต่เราปล่อยเค้ามากขึ้น ซึ่งก็สบายทั้งคู่เพราะผมก็มีอะไรที่ผมอยากทำกับเพื่อนๆ ไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อน ไปเล่นเวฟบอร์ด เล่นบีบีกัน ซึ่งผมก็แฮปปี้ ตอนแรกก็คิดว่าจะเหงา แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ช่วงที่ผ่านมาเจอกันทุกวัน ช่วงที่ไม่เจอกันสามสี่วันก็ทรมานทั้งคู่ ลองแยกกันดูบ้างน่าจะดี อยู่ด้วยกันบ่อยเดี๋ยวก็ทะเลาะกันบ่อย

    รู้สึกยังไงบ้างกับข่าวที่ว่าวุ้นเส้นอยากจะเลิกแต่ณัฏฐ์ไม่อยากเลิก

    ณัฏฐ์ :รู้สึกไม่ดีครับ แต่ข่าวมันก็คือข่าว ผมก็ถามว่าวุ้นพูดอย่างนั้นหรือเปล่า แต่เค้าบอกว่าเค้าไม่ได้พูด เราก็รู้อยู่ว่าเค้าเป็นคนไม่โกหก ก็สบายใจ ถ้าเค้ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ผมคงไม่ยื้อต่อหรอก เพราะมันไม่มีประโยชน์ ประเด็นก็คือถ้ายังรักกันทั้งคู่ มันยังปรับความเข้าใจกันได้ มันเปลี่ยนอะไรกันมากขึ้นแล้วมันเวิร์ค ก็โอเคนะ คนสองคนไม่มีทางเข้ากันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ก็ต้องมีทะเลาะกันบ้าง แต่พอถึงจุดหนึ่งมันก็เข้าใจกันได้เองครับ




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก

    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยรัฐ

    นก ใบ้กิน วี วิจารณ์ภาพขี้เหร่

    นก อุษณีย์'


    "นก"ใบ้กิน"วี"วิจารณ์"ภาพขี้เหร่ (สยามดารา)

    ''นก อุษณีย์'' ชี้ภาพหลุดบิกินีนานแล้ว ตั้งแต่สมัยประกวดนางงาม โกรธตัวเองที่ภาพออกมาไม่สวย รับแรกๆ ซีเรียส แต่ตอนนี้เฉยๆ แล้ว ดาราสาวถึงกับพูดไม่ออกเมื่ออดีตหวานใจ ''วี วีรภาพ'' วิจารณ์ซะเสียหายว่า ''ขี้เหร่'' บอกไม่สน ใครพูดยังไงก็ได้ ปลื้ม ''วินนี่'' เข้าใจ

    กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ไม่เลิก เมื่อมีภาพหลุดใส่ชุดบิกินีดัดฟัน แถมจุกโผล่ของนางร้ายสาววิกหมอชิต ''นก'' อุษณีย์ วัฒฐานะ ออกมา ในขณะที่เจ้าตัวไปท่องเที่ยวอยู่เมืองนอก ปล่อยให้อดีตแฟน ''วี'' วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ ออกมาวิจารณ์ว่าสาวนกนั้น ''ขี้เหร่''

    เมื่อผู้สื่อข่าวมีโอกาสได้เจอนกในงาน ''เซ็นทรัล ลาดพร้าว แซสซี่ มิลเลียนแนร์ แฟชั่น โชว์'' ที่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว เมื่อ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา จึงได้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งดาราสาวแจงว่าภาพดังกล่าวเป็นตอนไปแคสติ้งจะประกวดนางงาม ผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้ว

    นก : นกเห็นแล้วค่ะ ก็มีน้องสาวสายตรงโทร.ไปบอกก่อนเลย ก็เปิดดูในเว็บไซต์ เห็นภาพครั้งแรกก็โกรธมาก โกรธตัวเองที่ภาพมันออกมาไม่สวย (หัวเราะ) ตอนนี้เฉยๆ แล้ว ภาพนี้เกือบ 10 ปี แล้วค่ะ ตอนนั้นมีคนโทร.มาติดต่อให้ประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส เหมือนเป็นโมเดลลิ่ง เขาได้รูปเราไปจากเพื่อน และชวนเรามาประกวด บอกให้มาเทสต์ เขาก็ถามว่าถ้าเกิดไม่ได้นางงาม นกจะรับงานอย่างอื่นได้ไหม อย่างถ่ายชุดว่ายน้ำ เราก็บอกได้ค่ะ เขาก็ถ่ายรูปเราไว้ ถามว่าภาพหลุดมาจากไหน นกไม่ทราบ แต่ถ้าถามว่าใครถ่ายนกรู้ค่ะ ส่วนใครปล่อยภาพ คือเราไม่มีหลักฐานพอและเราไม่อยากไปพูดพาดพิงถึงใคร แต่ส่วนตัวนกไม่มีรูปนี้ค่ะ

    กลัวจะมีหลุดออกมาอีกระลอกไหม เพราะมีโมเดลลิ่งคนหนึ่ง อักษรย่อว่า อ. บอกว่าจะปล่อยภาพออกมาแรงกว่านี้อีก

    นก : แรงกว่านี้ นกไม่ได้ถ่ายนะคะ คือนกถ่ายชุดว่ายน้ำก็สุดๆ แล้ว เพราะว่าอย่างไปแคสติ้งอย่างอื่นจะให้เยอะกว่านี้ก็คงไม่มี ยืนยันว่าไม่มีภาพที่โป๊กว่านี้แน่นอน ส่วนเรื่องโมเดลลิ่งอะไรนั้น นกไม่รู้ค่ะ ว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า แต่ว่าถ้าจริง รับรองว่านกไม่ได้ตั้งใจถ่ายแน่นอน ถ้าเขาแอบถ่ายหนูตอนเข้าห้องน้ำก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะช่วยไม่ได้ แต่ถ้าใครจะปล่อยออกมาอีกก็ต้องทำใจค่ะ ไม่ว่ามันจะเป็นภาพจากโมเดลลิ่งหรือภาพจากร้านเสื้อผ้ามันต้องเปลี่ยนตลอด เวลา เลยคิดไว้ถ้าเกิดมีอย่างนั้นจริงๆ ก็คงขึ้นอยู่กับศีลธรรมของเขาแล้วล่ะ ว่ามีมากน้อยแค่ไหน

    ภาพที่ออกมาตอนนี้ก็ค่อนข้างแรงอยู่เพราะว่ามีจุกโผล่ด้วย

    นก : คือตอนที่ถ่ายจำได้ว่าชุดมันหลวม นกก็บอกแล้วว่า ไม่เอาพี่ พี่ระวังให้นกหน่อย แต่มันก็หลุดออกมาจนได้ ถามว่าตอนเห็นรูปร้องไห้ไหม บอกเลยค่ะว่าไม่ เพราะนกไม่ได้ทำอะไรผิด

    จะหาตัวการไหม?

    นก : ไม่รู้ แต่ไม่อยากเอาเรื่องอะไร เพราะว่าถ้าเกิดเราออกมาว่าเขา เดี๋ยวเขาก็จะออกมาตอบโต้อีก เดี๋ยวเป็นการสาวไส้ให้กากินอีก

    แล้ว ''วินนี่'' ว่าไง

    นก : เขาก็หัวเราะ ขำๆ และเขาบอกว่าเราตอนนั้นดูเด็กมาก

    อย่าง ไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามถึงประเด็นที่ว่า พี่วีเห็นภาพแล้วบอบกว่านกขี้เหร่ นกจะว่าอย่างไร เรื่องนี้ทำเอาสาวนกถึงกับอึ้งกิมกี่ไปนาน ก่อนจะยิ้มๆ และทำได้เพียงหัวเราะเท่านั้น ผู้สื่อข่าวจึงได้ถามว่าแล้วจะฝากอะไรถึงพี่วีหรือเปล่า ดาราสาวก็บอกว่า ''ไม่มีค่ะ นกคิดว่าทุกคนที่อ่านข่าว ก็คงไม่เก็บคำคอมเมนต์ของคนอื่นมาคิดให้ปวดหัว คือมันไม่ได้สำคัญ ถ้าเกิดว่าทุกคนที่ย้อนกลับไปดูรูปของตัวเองสมัยเก่าก็คงจะตลกแบบนี้แหละ''

    แต่ ยืนยันว่านกไม่ทำศัลยกรรม คนเราก็ต้องพัฒนาหน้าตัวเองบ้าง ไม่ใช่ 10 ปีมาแล้วจะย่ำอยู่กับที่ ตอนนั้นเราก็คิดว่าเราสวย แต่คนทุกคนก็ต้องมีรูปทั้งสวยและไม่สวยอยู่บ้าง อยู่ที่คนเอามาลงว่าจะเลือกรูปแบบไหน



    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

    วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

    เพชร ขอเจรจา หย่าศึก!! พ่อพร้อมให้อภัย

    เพชร ขอเจรจา หย่าศึก!! พ่อพร้อมให้อภัย
    เพชร ขอเจรจา หย่าศึก!! พ่อพร้อมให้อภัย

    เกย์นที ควงแม่เลี้ยงเพชร แถลงลูกชาย 'พุ่มพวง' ติดต่อขอเจรจาสงบศึก ยัน พร้อมให้อภัยทั้งหมด และขอให้ไปตรวจสภาพจิต และเกณฑ์ทหารได้แล้ว เตรียมแถลงอีกครั้งหากกำหนดวันเจรจา

    เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ร้านอาหารแก่นจันทร์ ถ.สิงหราช อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายนที ธีระโรจนพงศ์ เลขาธิการกลุ่มเชียงใหม่อารยะและประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย และ นางสิริกร อินพรหม แม่เลี้ยงของนายสรภพ ลีละเมฆินทร์ หรือเพชร ลูกชายของนายไกรสร ลีละเมฆินทร์ ​และพุ่มพวง ดวงจันทร์​ ราชินีเพลงลูกทุ่ง ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าการพิสูจน์หาความจริงในศึกสองพ่อลูกระหว่างนายไกรสร และนายสรภพ กรณีนายไกรสร ตกเป็นจำเลยสังคม ถูกกล่าหาว่าเป็นพ่อล่วงละเมิดทางเพศลูก

    นายนที กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้ไปยื่นหนังสือต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สมทบกับกลุ่มแฟนเพลงพุ่มพวงรักกตัญญู โดยได้ขอเข้าพบกับนายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อสอบถามว่ากรณีที่มีลูกออกมาว่าพ่อ แม่ น้า และ ลุง แล้วผู้หลักผู้ใหญ่จะมีความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร ปรากฏว่าคุณลัดดา ตั้งสุภาชัย ซึ่งเป็นประธานฝ่ายเฝ้าระวังด้านวัฒนธรรมของกระทรวง ออกมาพบ และรับหนังสือว่าจะนำเรื่องนี้เสนอผู้ใหญ่ได้รับทราบถึงปัญหาต่อไป ซึ่งไม่กี่วันจะต้องไปรอคำตอบจาก รมว.วัฒนธรรม

    นายนที กล่าวอีกว่า หลังจากที่เดินทางกลับมาจาก กทม.แล้ว ได้รับการติดต่อจาก น้ำผึ้ง จุฬัมภา หรือ พุ่มพวง 2 ว่า ได้รับการติดต่อจากน้ำหวาน ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนายสรภพ ลีละเมฆินทร์ ว่าขอให้ช่วยคุยกับทางกลุ่มเชียงใหม่อารยะ ในทำนองขอความปราณี ยอมความ หรือ ขอสงบศึกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทันทีที่ได้รับทราบข่าว ได้หารือกับนายไกรสร และ นางสิริกร สมาชิกของกลุ่มเชียงใหม่อารยะ ซึ่งทางกลุ่มพร้อมที่จะให้อภัย

    ส่วนนางสิริกร กล่าวว่า หลังจากที่ทราบข่าว รู้สึกดีใจ เพราะเรื่องนี้ไม่ต้องการไปฟาดฟันเอาเป็นเอาตาย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะกลับมาคืนดีกัน ตนได้ปรึกษาเรื่องนี้กับนายไกรสร ถือเป็นเรื่องที่ดี ในเรื่องครอบครัวไม่มีปัญหาอยู่แล้ว หากนายสรภพมาขอโทษ ตนพร้อมที่จะถอนแจ้งความหมดทุกคดี

    นายนที กล่าวว่า ข้อแม้คือหากนายสรภพขอโทษแล้ว จะต้องไปตรวจร่างกายกับนายแพทย์กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาลมนารมย์ ซึ่งตนได้ประสานงานเอาไว้แล้วเพราะจิตแพทย์เท่านั้นที่จะตอบปัญหาคาใจของสังคมในขณะนี้ได้ ขณะเดียวกันแฟนเพลงพุ่มพวง ต้องการให้นายสรภพไปพบกับ พระพยอม เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เพราะถือว่าเป็นพระผู้ใหญ่ ที่มีการเทศนาทันสมัย และไปอยู่ที่วัด สักครึ่งเดือนหรือ 1 เดือน เพื่อให้ได้อบรมนิสัย และ หากนายสรภพ ไปพบจิตแพทย์แล้วไม่เป็นอะไร ขอให้รับราชการทหาร ซึ่งจะครบเกณฑ์ทหารในเดือน เม.ย. ปี 2553 นี้ เพราะปีนี้ผ่อนผันมาแล้ว

    ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าที่ดำเนินการเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นเพราะรับจ้างจากนายไกรสรหรือไม่ นายนที กล่าวว่า อยากจะพิสูจน์ความจริงให้สังคมได้ทราบ ตนไม่ต้องการอะไร ประกอบกับนางสิริกร เป็นสมาชิกของกลุ่ม และนายไกรสรเคยเป็นสมาชิก เรื่องเงินที่นายไกรสร จะจ้างนั้น ขอให้ลองไปตรวจสอบดูได้ ตนพร้อมเปิดบ้านพิสูจน์อยู่แล้ว และหากนายสรภพติดต่อมาขอโทษจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้ง

    แหม่ม ออกหนังสือมีเสียดสี ปราย

    นก โผล่ยินดี แหม่ม ออกหนังสือมีเสียดสี ปราย
    นก โผล่ยินดี แหม่ม ออกหนังสือมีเสียดสี ปราย

    ''แหม่ม-วิชุดา'' ปัดเนื้อหนังสือ ''เรื่องรัก...ไม่ลับ'' เสียดสี ''ปราย ธนาอัมพุช'' คู่กรณีเก่า ในเหตุการณ์ส่ง กกน. ดิลิเวอรีมาให้ถึงบ้าน ก่อนตัดสัมพันธ์ ''นก - จิรศักดิ์'' ไม่มีทางคืนดีแน่นอน เผยถึงฝ่ายชายเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ไม่คิดกลับไปหา ก่อนเผยไม่เชื่อ ''หมอกฤษฏ์ คอนเฟิร์ม'' ทัก มี.ค. 2553 เจอเนื้อคู่ แต่ไม่ใช่คนเก่า

    ดูเหมือนเรื่องความรักวุ่นๆของนางร้ายสาว ''แหม่ม'' วิชุดา พินดัม กับผู้กำกับฯ ชื่อดัง ''นก'' จิรศักดิ์ โย้จิ้ว จะไม่จบไม่สิ้น เพราะตั้งแต่นางร้ายคนดังเปิดศึกกับ ผู้ประกาศสาวมาดขรึม ''ปราย ธนาอัมพุช'' ก็ทำให้ความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มผู้กำกับฯ สั่นคลอนจนเลิกราในที่สิ้น

    ล่าสุดนางร้ายสาวก็หันมาจับปากกาเขียนนิยายเรื่อง ''เรื่องรัก...ไม่ลับ'' งานนี้ไม่พบพลาดที่นักแสดงสาวจะจับปมในชีวิตจริง มาเล่ามันส์ๆ เชิงนิยายให้ได้ทราบกัน โดยในตอนนึงกล่าวถึงผู้หญิงชื่อ ''ไปรยา'' กับ ''น้องเมย์'' ที่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องหนุ่มคนนึงจนถึงขั้นฝ่ายสาว ''ไปรยา'' ส่ง กกน.มาที่บ้านของ ''น้องเมย์'' งานนี้ผู้สื่อข่าวเลยไม่พลาดที่จะถามถึงเรื่องราวในตอนดังกล่าวว่าค่อนข้างจะ ตรงกับข่าวที่ออกมาของดาราสาว ทำให้หลายคนมองว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการกล่าวพาดพิงถึงใครหรือเปล่า ซึ่งดาราสาวก็บอกว่า ไม่ได้ต้องการที่จะให้พาดพิงถึงใคร แต่อยากให้ผู้อ่านได้รับรู้ว่ามีคนแบบนี้จิรงถ้าเจอจะได้รับมือได้

    ''หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นหนังสือแฉชีวิตตัวเองผ่านบทละคร แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่นะค่ะ ไม่ได้แฉชีวิตตัวเองผ่านตัวละครใด คือนางเอกของเรื่องก็คือตัวละครตัวนึงที่เราตั้งขึ้นมา แล้วก็ไม่ได้เป็นตัวเรา ไม่เหมือนเรา เป็นผู้หญิงคนนึงที่มีเรื่องราวชีวิตที่น่าค้นหา คือมันเป็นเรื่องที่ใครอ่านแล้วจะคิดว่ามีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรอ อยากให้คนเห็นอยากให้คนอ่านมากกว่า''

    ''มีเรื่องส่ง กกน. ให้ที่บ้านด้วย หลายคนมองเหมือนชีวิตที่เคยเป็นข่าว? ''อย่างที่ ''แหม่ม'' บอกไปแล้วว่าการเขียนนิยาย การเขียนหนังสือ การทำละคร การใส่มุกอะไรต่างๆ มันต้องแหวก มันต้องไม่เหมือนหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ เพราะมันจะกลายเป็นเหมือนกับว่าเราไปเลียนแบบเขา

    แต่เรื่องนี้มันเหมือนเป็นลิขสิทธิ์ของเรา คือคนไม่ว่าหรอกว่าเราไปเอาเรื่องของคนอื่นมาเขียน คือมันแค่ผสมๆ มันไม่ได้เป็นเมนหลักของเรื่องหรอ เพราะถ้าอ่านแล้วจะรู้ว่า มันไม่ได้เป็นเมน แต่เราก็เข้าใจว่ามันเป็นกระแส คือเราออกตอนนี้เพราะว่ามันเป็นกระแส มันก็เลยเหมือนกับว่าเราไปเอาเรื่องพวกนั้นมาเขียนหรือเปล่า ลองอ่านดูนะค่ะ ไม่มีเรื่องที่เป็นข่าวค่ะ ''ชื่อตัวละครคล้ายกับชื่อของคู่กรณี ? '' ส่วนของชื่อตัวละครอันนี้ต้องให้ ''พี่แหม่ม'' กับทีมสำนักพิมพ์เป็นคนตั้ง เพราะเราไม่อยากตั้งเอง

    ''กลัวโดนฟ้องไหม? '' มีความตั้งใจว่าจะทำเป็นนิยาย ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องของชีวิตตัวเองไม่ได้ตั้งใจจะแฉใคร หรือพาดพิงถึงใคร ไม่มีความตั้งใจนั้นตั้งแต่ตอนเริ่มเขียนหนังสือเล่มนี้แล้ว คิดว่านิยายไม่โดนหรอกค่ะ เพราะมันแล้วแต่ว่าใครตีความมากกว่า เหมือนกับถ้าอ่านเสร็จแล้วเขาอาจจะคุยกัน

    ในส่วนเรื่องราวความรักของนางร้ายสาวกับผู้กำกับฯ ชื่อดังนั้น หลายคนเห็นว่าฝ่ายชายค่อนข้างที่จะง้องอน อย่างในวันนี้ ผู้กำกับฯ หนุ่มก็หอบขวัญพะรุงพะรังมากมายมาเอาใจดาราสาว ไม่ว่าจะเป็น ดอกไม้ช่อโต ตุ๊กตาบลายธ์ และดูจะพิเศษสุดๆ คงจะเป็นสร้อยพร้อมจี้เพชร จากร้านเพรชชื่อดัง ซึ่งฝ่ายผู้กำกับฯ หนุ่มก็เปิดใจว่า ตนเองก็ลุ้นเหมือนกันว่าดาราสาวจะรีเทิร์นหรือไม่

    ''วันนี้ก็มีตุ๊กตากับสร้อยน่ารักๆ พอดีเห็นออกงานตั้งหลายงาน แล้วก็อันที่จริงตั้งใจซื้อเอาไว้ตั้งแต่ตอนยังไม่เลิกกัน ก็เลยเอามาให้เขา คืนดีไหมพี่ก็ลุ้นอยู่ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับ ''แหม่ม'' พี่แอบลุ้นตลอดแหละ ก็อย่างที่บอกตอนเราเป็นแฟนกันเราไม่มีอะไรให้เต็มที่ แต่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันอะไรทำให้ได้เราก็ทำ อย่างวันนี้ต้องถ่ายละคร ''นัดกับนัด'' แต่เราก็รีบมาแล้วก็รีบไป''
    ทางด้านนางร้ายสาวดูไม่มีทีท่าจะใจอ่อนลง พร้อมยืนยันว่าไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมแน่นอน ความรักนั้นมันก็ยังไม่ให้อยู่ แต่ได้แปรสภาพเป็นรักแบบพี่ชายไปแล้ว

    ''ก็ดีใจ เห็นตอนแรกบอกอาจจะมาไม่ได้เพราะติดคิวละคร เขาก็เลยไม่รับปาก กับของขวัญก็ดีใจคือก่อนที่เขาจะมาเขาก็ถามว่าอยากได้อะไร เราก็บอกเขาไปว่าเราไม่อยากได้ดอกไม้เพราะว่าคนส่วนใหญ่จะซื้อดอกไม้มาแสดงความยินดี ก็บอกว่าถ้ารู้จักกันแบบนี้ไม่เอาดอกไม้ได้ไหม เขาก็เลยถามว่าอยากได้อะไร ก็บอกว่าอยากได้ ''ตุ๊กตาบลายธ์'' มากกว่า จี้ก็น่ารักดี เพราะว่าเป็นคนไม่ค่อยได้ใส่เครื่องประดับอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ก็เลยไม่ค่อยมี คิดว่าคงได้ใส่แน่เพราะไม่ค่อยมีสร้อยแบบนี้ อันนี้ไม่ได้ขอเพราะเราไม่กล้าขอ เพราะว่าก็น่าจะแพงอยู่ ตุ๊กตาอะไรแบบนี้มันก็เด็กๆ เนอะ ก็คิดว่าค่าดอกไม้เอาไปซื้อตุ๊กตาเอาแล้วกัน''

    ''ที่ต้องเลิกกันทำใจแล้วค่ะ พอวันที่เราประกาศว่าเราแยกกัน เราเปลี่ยนสถานภาพที่ไม่ใช่แฟนกันแล้ว นั่นก็คือหมายถึงว่าไม่ได้คิดอะไรแล้ว จริงๆ จะรีเทิร์นหรือเปล่านั้นมันไม่ใช่เรื่องของเขาจะเปลี่ยนแปลงหรือเขาไม่เปลี่ยนแปลง มันเป็นเรื่องอื่น รักอ่ะยังรักอยู่ แต่ไม่ได้รักแบบคู่รัก รักแบบเพื่อนมากกว่า คือว่างก็โทร.คุยกันทุกวันเหมือนเดิม ก็คุยเรื่อยเปื่อยเม้าท์ไปเรื่อย คุยกันก็เหมือนคุยกับเพื่อนทั่วไป คิดว่ามันไม่แปล๊บเพราะเรายังคุยกันอยู่มากกว่า ถ้าหายกันไปอาจจะแปล๊บ เหมือนขาดอะไรไปอย่างหนี่ง หลายคนเข้าใจว่าเรารีเทิร์นนะ แต่จริงๆ แล้ว ''แหม่ม'' ยืนยันนะค่ะ ไม่ได้ปากแข็ง''

    ขณะที่ในงานนี้ยังมี หมอดูชื่อดัง ''กฤษฏ์ คอนเฟิร์ม'' นายศุภกฤษฏ์ ปทุมศรีวิโรจน์ มาร่วมงานด้วย จึงไม่พลาดที่จะให้หมอคนดังดูเรื่องรักๆ ของนางร้ายสาวให้สักนิดว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งหมอดูคนดังบอกว่า นางร้ายสาวจะได้พบเนื้อคู่ในเดือน มี.ค. ปี 2553 อย่างแน่นอน ก่อนเผยว่า เป็นผู้ชายผิวขาว และไม่ใช่คนเดิมที่เคยคบอย่างแน่นอน กับเรื่องนี้เมื่อดาราสาวได้บอกว่าไม่เชื่อแต่อย่างใด อีกทั้งตอนนี้ตนก็ไม่อยากมีใครด้วย

    ''มันหรอ (หัวเราะ) ก็เม้าท์ไปเรื่อยแหละ ไม่เชื่อหรอก ไม่อยากมีใครด้วยตอนนี้ ไม่อยากให้ใครมาจีบด้วย ก็ไม่ถึงกับเข็ดหรอกแต่ว่า มันเหมือนกับว่าไม่พร้อม คือเรารู้สึกว่าเราคงต้องปรับเปลี่ยน ทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องความรักหลายๆ อย่าง เพราะถ้าทัศนคติของเรามันโอเคก็คงไม่ผิดหวัง''

    นาธานโกหกไม่ได้ไปถ่ายหนังฮอลิวู้ด

    • กอซซิปสตาร์สนับสนุนเนื้อหา

    นาธาน แหล 10 ดอก! โกงเงิน-ไม่ได้ถ่ายหนัง-ปลอมตัวปลอมเสียง-โกงอายุ
    นาธาน แหล 10 ดอก! โกงเงิน-ไม่ได้ถ่ายหนัง-ปลอมตัวปลอมเสียง-โกงอายุ

    "หุ้นส่วนร้าน" ลากไส้ ! "นาธาน" แหกตาหลายดอก ไม่ได้ถ่ายหนังฮอลีวูด โกงเงินร้าน ไม่ยอมเอาเงินไปจ่ายค่าเช่า เบิกเงินไปซื้อเต้นท์แต่กลับเอาเงินไปจ่ายให้เจ้าหนี้ตัวเอง ซ้ำยังจัดทัวร์เอาเงินลูกค้า แต่พอยกเลิกก็ไม่ยอมคืนเงิน พอจับได้ก็ไม่ยอมมาเคลียร์อ้างไม่ว่างจะไปอัดรายการที่นี่หมอชิต ทั้งที่ไม่เคยไปถ่ายรายการดังกล่าว แฉมีพฤติกรรมแปลกๆ ชอบปลอมตัวปลอมเสียงหลอกคนอื่นฯลฯ

    ทำเอาช็อกวงการเลยทีเดียวสำหรับ นาธาน โอมาน หลังจากที่เคยให้สัมภาษณ์กับบันเทิงผู้จัดการเมื่อปีที่แล้วว่ากำลังจะ โกอินเตอร์ไปเล่นหนังฮอลีวูด โดยได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะเดินทางไปถ่ายทำตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 และเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา จู่ๆ เจ้าตัวก็ติดต่อเข้ามาหาทีมข่าวบันเทิงผู้จัดการว่า ขณะนี้อยู่ประเทศมาเลเซียและจะกลับมาเมืองไทยวันที่ 14 เนื่องจากกลับมาพักกอง 3 เดือน หลังจากที่ได้เดินทางไปถ่ายหนัง THE PRINCE OF RED SHOE ที่ต่างประเทศกับค่าย ทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟอกซ์ เป็นเวลา 6 เดือน

    จากนั้นทีมข่าวบันเทิงผู้จัดการจึงได้ทำการสัมภาษณ์นาธานถึงการถ่ายหนัง เรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมทันที แต่หลังจากที่ข่าวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปปรากฏว่า มีการเปิดโปงว่าไม่มีการถ่ายหนังเรื่อง THE PRINCE OF RED SHOE และในเรื่องนี้ไม่มีรายชื่อในค่ายทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟอกซ์ เท่านั้นไม่พอยังมีคนออกมาแฉนาธานได้โกงเงินหุ้นส่วนร้านอาหาร และเป็นหนี้สินอีกมากมาย

    ต่อมา เจเจ จามจุรี จูลี่ แคสเชอร์ ดีเจคลื่น EASY FM 105.5 เวอร์จิ้นเรดิโอ หุ้นส่วนร้าน JAMAREE YAK CAFE GALLERY เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนาธานในข้อหาฉ้อโกงเงินร้านดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 กรกฏาคมที่ผ่านมาเจ้าตัวก็ได้เดินทางไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสน. หัวหมาก ทีมข่าวบันเทิงจึงได้ตามไปสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าว และได้ตามไปสัมภาษณ์อย่างละเอียดที่ร้าน จึงทำให้ทราบว่า นาธานแหกตาหลายดอก จึงได้รวบรวมข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้

    "เริ่มรู้จักกับนาธานครั้งแรกเมื่อตอนที่ไปเที่ยวเนปาลด้วยกันเมื่อปี 2005 เจเจมีเพื่อนทำงานอยู่ที่บริษัทอาร์เอสโปรโมชั่น แล้วเขาจัดทริปไปเนปาลกันก็เลยร่วมแจมไปด้วย พอกลับมาก็ติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราวนัดกินข้าวแล้วก็หายไป ในช่วงที่เขาหายไปจะติดต่อเขาไม่ได้ไม่รู้ว่าหายไปไหน เขาจะมีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อไหร่ที่เขาพร้อมจะติดต่อกลับมาเอง เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา"

    "ล่าสุดเขาก็ติดต่อกลับมาและได้คุยกันเรื่องโปรเจ็กต์ร้านกาแฟในช่วงต้นปี หลังจากเริ่มคุยโปรเจ็กต์กันก็เงียบกันไปพักหนึ่ง นาธานก็โทรมาบอกว่าเริ่มทำร้านกันเลยดีกว่า เพราะเดี๋ยวไม่อยู่ต้องไปถ่ายหนัง เราเริ่มทำร้านกันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์พอประมาณเดือนมีนาคมทุกคนพร้อมลุย มานั่งดูว่าต้องลงทุนคนละเท่าไหร่ ซึ่งร้านนี้จะมีหุ้นอยู่ 5 หุ้นรวมนาธานด้วย โดยลงเงินคนละ 1 แสน "

    "จากนั้นก็ตะเวนหาร้านจนกระทั่งมาเจอบ้านหลังนี้ก็มาทำสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 18 มีนาคม โดยที่เจเจเป็นผู้ทำสัญญาเช่า แต่นาธานจะเป็นคนติดต่อเจ้าของบ้านโดยตรง และเราก็พึ่งมาค้นพบว่าสี่เดือนที่แล้วก่อนทำสัญญาเขาทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ เราเจอกับเจ้าของบ้านด้วยการบอกเจ้าของบ้านว่าเจเจยุ่งมากไม่สามารถมาเจอได้ ส่วนเจ้าของบ้านก็ยุ่งมากไม่สามารถมาเจอเจเจได้ให้เอาเอกสารมาก่อน แล้วจะโอนเงินค่าประกันบ้านตามมาให้ทีหลัง ซึ่งในตอนนั้นได้จ่ายเงินประกันบ้านให้นาธานไปหมดแล้ว แต่เขาอาจจะเอาไปให้ครบหรือไม่ครบไม่รู้ส่วนทางเจ้าของบ้านบอกว่าเอกสารไม่ เคลียร์"

    ดอกที่ 1 บอกจะเอาเงินไปซื้อเต้นท์ แต่กลับเอาไปจ่ายให้เจ้าหนี้

    "มาถึงเดือนเมษายนเขาอาสาที่จะติดต่อซื้อเต็นท์ทิเบตให้ เพราะรู้จักกับคนขายเดี๋ยวจะต่อรองราคาให้เราก็โอนเงินกองกลางของร้านให้คนๆ หนึ่งซึ่งเราจด ชื่อ-นามสกุล และมีใบโอนเป็นหลักฐานเรียบร้อยเป็นจำนวนเงิน 60,000 บาทเพื่อซื้อเต็นท์ แต่เดือนเมษายนพฤษภาคมผ่านไปก็ยังไม่มีเต็นท์มาส่งที่ร้าน ถามไปว่าเต็นท์อยู่ไหนก็บอกว่าอยู่คาร์โก้ แต่ยังเอาออกมาไม่ได้ เราก็โอเครอกันไป พอเดือนมิถุนายนก็ถามอีกว่าเต็นท์อยู่ไหนก็ไม่พบไม่เห็นอันนี้คือเรื่องที่ หนึ่งเรื่องเต็นท์"

    "จนกระทั่งไม่กี่วันมานี้เราไปค้นพบหลักฐานในการโอนเงิน 60,000 บาทค่าเต็นท์ที่นาธานบอกให้โอนให้ไปตั้งแต่ประมาณปลายเดือนเมษายน เราไปเจอเจ้าของบัญชีแล้วก็ชื่อเบอร์โทรเลยถามเขาว่า เราได้โอนเงินหกหมื่นบาทให้เขาในวันที่นี้ๆ เงินก้อนนั้นเป็นค่าอะไร พี่คนนี้บอกว่าเงินนี้เป็นเงินที่ นาธาน โอมาน โอนมาคืนให้ เพราะว่าติดหนี้เขาอยู่ เนื่องจากว่าพี่ไปมัดจำจะไปทัวร์ที่ฝรั่งเศสกับนาธานแล้วไม่ได้ไป ซึ่งเป็นเงินหลายแสนบาท นี่เป็นส่วนน้อยที่นาธานคืนให้ ซึ่งเขาเองมาบอกให้เราโอนเงินเข้าบัญชีพี่คนนี้เพราะเป็นคนซื้อเต็นท์ แต่ค้นพบว่าจริงๆ เป็นเจ้าหนี้นาธานอีกคนที่เขาไปหลอกมัดจำทัวร์เขาแล้วก็ไม่มีทัวร์นั้น จริงๆ"

    ดอกที่ 2 มาเอาเงินไปจ่ายค่าร้านล่วงหน้า 3 เดือน แต่ก็ไม่เอาไปจ่ายเจ้าของบ้าน

    "เรื่องที่สองตอนต้นเดือนพฤษภาคม นาธานบอกว่าเจ้าของบ้านจะไปเมืองนอก ขอเงินค่าเช่าล่วงหน้าสามเดือนก่อนได้ไหมพี่เจ้าของบ้านบอกมาเป็นจำนวนเงิน อีก 60,000 บาท ในตอนแรกเจเจ บอกว่าเดี๋ยวโอนเข้าแบงค์สู่แบงค์ทีเดียวจะได้ไม่ยุ่งยากเขาเองก็บอกว่าดีๆ แต่พอถึงเวลาเราทวงเลขบัญชีก็บอกว่ายังไม่ได้จนเช้าวันหนึ่งเขาบอกน้องเกด ที่เป็นหุ้นส่วนร้านอีกคนให้ไปเบิกเงินสดมาให้ก่อนรวมเป็นหกหมื่นในตอนนั้น เราเองไม่ได้ถามหาสลิป เพราะเห็นเป็นเงินกันเอง"

    "ต่อมาเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมเจ้าของบ้านโทรมาหาเจเจถามว่าร้านขายไม่ดีเหรอคะ ทำไมพี่ไม่ได้ค่าเช่าบ้านเลย เขาบอกว่าเขามาหาที่หน้าบ้านเช้ามากร้านยังปิดอยู่ไม่รู้จะติดต่อใครก็เลย ต้องไปติดต่อไปที่ทำงานของเจเจเพื่อขอเบอร์เจเจจะได้คุยกับเจเจ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เจเจได้ให้เบอร์มือถือของเจเจกับนาธานเพื่อไปให้เจ้าบ้าน แล้ว"

    "เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังว่าติดต่อไปหานาธานไปหลายครั้งไม่เคยรับสาย และบอกว่ามีเงินโอนมาให้11,000 บาท แล้วก็มีโอนมา1,000 บาท สองครั้ง 4,000บาทสามครั้ง เขาก็งงมากคือเงินอะไรนึกว่าเป็นเงินทำบุญเพื่อนให้มา เพราะมันไม่ได้มีเป็นก้อนชัดเจนว่าจ่ายค่าเช่าบ้าน ตอนนั้นพอฟังพี่เขาบอกว่าไม่เคยได้ค่าเช่าบ้านเลยตกใจรีบโทรศัพท์หาเพื่อนๆ"

    "เท่านั้นยังไม่พอนาธานยังบอกพี่เจ้าของบ้านในระหว่างที่เขาติดต่อคุยกันว่า พ่อเขาอยู่โอมานเป็นเจ้าของโรงแรมห้าดาวอยู่ที่โอมานชวนเจ้าของบ้านกำลังจะ ทำธุรกิจสปากับนาธาน เขาก็บอกให้พี่เจ้าของบ้านอีเมลล์ไปหาพ่อเขาที่โอมานนี่คือเจ้าของบ้านเล่า ให้ฟังนะ ซึ่งพี่เจ้าของบ้านบอกว่าได้ส่งอีเมลล์ติดต่อกับพ่อนาธานที่โอมานมาสี่ห้า ฉบับแล้วกำลังจะมีการทำธุรกิจกัน แต่ยังไม่ได้ทำเพราะเรื่องมันมาชัดเจนก่อน"

    ดอกที่ 3 ปลอมตัวบอกนักข่าวว่าเป็น "อรัญ" น้องชาย "นาธาน"

    "ที่ผ่านมาเขาอยู่เมืองไทยตลอด(แต่นาธานให้สัมภาษณ์ว่าไปถ่ายหนังตั้งแต่ต้น ปีพึ่งกลับมาเดือนกรกฎาคม) ตั้งแต่เดือนมกราคมก็ไม่เห็นเขาไปไหนมาอยู่ที่ร้านทำร้านกันตลอดเรายังจัด ปาร์ตี้วันเกิดให้เขาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมอยู่เลย คุณโก้ ธีรศักดิ์(ธีรศักดิ์ พันธุจริยา) กับ ฮาน่า(ทัศนาวลัย องอาจสิทธิชัย) ก็มาถ่ายรายการที่ร้านนี้ หนังสือหลายๆ เล่มก็มาถ่ายคอลัมน์ ตอนนั้นเราพยายามโปรโมตทุกอย่างเพื่อที่จะให้ร้านติดตลาดใครอยากที่จะ สัมภาษณ์นาธานเราก็ออฟเฟอร์ให้ ตัวเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร"

    "แต่เขาเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ ตอนที่หนังสือเนชั่นจูเนียร์มาสัมภาษณ์ หลังจากเจเจจัดรายการเสร็จก็รีบมาเพื่อที่จะช่วยทำโรตีให้หนังสือถ่าย จู่ๆ นาธานก็รีบเดินมาบอกว่า นาธานไม่อยู่นะนี่คืออรัญน้องชายนาธาน ให้เจเจโกหกว่าเขาคืออรัญ แล้ววันนั้นอรัญก็เดินว่อนอยู่ในร้านใส่หมวกใส่แว่น ซึ่งก็คือตัวนาธานนั่นล่ะ "

    "พี่ๆ นักข่าวที่มาเขาก็รู้อยู่แก่ใจ เราเองก็พูดไม่ออกมันจุกปากเราก็รีบทำโรตีไปเรื่อยๆ พี่นักข่าวก็พยายามถามเรื่องนาธานเราก็ต้องดึงกลับมาเรื่องโรตี จนกระทั่งเขาคงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนต่างคนต่างรู้อยู่แก่ใจว่าเกิด อะไรขึ้น เราเองก็แปลกใจว่าทำไมนาธานต้องทำแบบนั้น ถามเหตุผลเขาก็บอกว่า บอกนักข่าวอีกเล่มไปว่าจะไม่อยู่เมืองไทยแล้วต้องไปถ่ายหนังอยู่เมืองนอก แต่พอมีอีกเล่มมาถ่ายคอลัมน์เขาเลยต้องกลายเป็นอรัญหรืออาจจะมีเหตุผลอื่นก็ไม่ทราบ"

    "จากวันนั้นมาก็เริ่มมีอะไรแปลกๆ เรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 8 มิถุนายน เขามาบอกว่าจะต้องไปถ่ายหนังจริงๆ แล้ว หลังจากวันที่ 8 มิถุนายนก็จะมีแม่บ้านชื่อ เต็ม สมาน สุขเสริม นาธานบอกว่าเป็นเหมือนแม่เลี้ยงที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กๆ มาอยู่กับเราด้วยตลอดตั้งแต่เริ่มเปิดร้านเป็นคนดูแลบ้านทำกับข้าว ในช่วงที่นาธานไม่อยู่พี่เต็มจะทำทุกอย่างแทนให้"

    "คือนาธานเขาจะอยู่ที่ร้านตลอด เขามีหน้าที่ดูแลร้าน พอปิดบิลตอนกลางคืนเขาก็จะนำเงินไปเข้าบัญชีในตอนเช้า ซึ่งบัญชีนั้นจะเป็นบัญชีเงินหมุนเวียนของร้านโดยใช้บัญชีของนาธาน เพราะว่าเขาเป็นคนเดียวที่ไม่มีงานประจำและเป็นคนเดียวที่อยู่ร้านเป็นประจำ นอนที่นี่ ทุกคนมีงานประจำมีเงินเดือนเราไม่อยากให้มันไปทบกับฐานภาษีจะได้ไม่มีปัญหา เรื่องภาษีบุคคลธรรมดา เราไม่ได้จดเป็นบริษัทหรือห้างร้านก็เป็นการตกลงกันแบบไว้ใจตกลงแบบเพื่อน ฝูงพี่น้อง ส่วนเรื่องบัญชีเราตกลงกันว่าจะไม่มีเอทีเอ็มสมมุติว่าได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จากที่ขายในวันนี้ เราจะหยิบไปสักยี่สิบเปอร์เซ็นต์เพื่อไปซื้อกับข้าวหรือวัตถุดิบมาขายในวัน ต่อไป ที่เหลือก็เอาเข้าบัญชีไว้เป็นเงินหมุนของร้าน"